วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สรุป บทที่3 E-business strategy


บทที่3 E-business strategy


E-business strategy  คือ วิธีการที่จะทำให้กลยุทธ์ขององค์กรบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยการนำการสื่อสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้งาน ทั้งการสื่อสารภายในองค์กร และ การสื่อสารภายนอกองค์กร เป็นการสร้างช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ให้กับองค์กร กลยุทธ์ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์จะช่วยในการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนหรือเหมาะสม หากปราศจากการกำหนดเป้าหมาย การดำเนินงานจะเป็นไปอย่างเชื่องช้าและติดขัด จำเป็นที่จะต้องกำหนดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ว่าจะถูกไปใช้ร่วมกันกับช่องทาง อื่นๆได้อย่างไร


ความสัมพันธ์ระหว่างกลยุทธ์ e-business และกลยุทธ์อื่น ๆ





กระบวนการจัดการเชิงกลยุทธ์






ขั้นตอนการจัดการเชิงกลยุทธ์
  • วิเคราะห์สถานการณ์ภายนอกองค์กรและภายในองค์กร
  • กำหนดวิสัยทัศน์และภารกิจหลัก ให้มีความสอดคล้องกัน
  • กำหนดวัตถุประสงค์
  • กำหนดกลยุทธ์ที่ใช้ เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้
  • จัดทำแผนปฏิบัติการ เพื่อตอบสนองต่อกลยุทธ์
  • พัฒนาองค์กรและนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติ
  • ติดตาม ควบคุม และประเมินผล
  • นำผลการประเมินรวมถึง ผลดีและผลเสียที่ได้ไปปรับใช้ใหม่ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม


“รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง”
คำกล่าวนี้ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการกำหนดแผนกลยุทธ์
เพื่อการจัดการธุรกิจ 


รู้เขา : จะต้องศึกษาสภาพแวดล้อมภายนอก
รู้เรา : จะต้องศึกษาสภาพแวดล้อมภายใน

สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ สามารถออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ 
สภาพแวดล้อมภายในธุรกิจ Internal Environment 
คือ สภาวะแวดล้อมที่ธุรกิจสามารถควบคุมได้ หมายถึง ปัจจัยต่าง ๆ ที่ธุรกิจสามารถกำหนด และ ควบคุมได้เป็นไปตามความต้องการของธุรกิจถือว่าเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อโปรแกรมการตลาด โดยการวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนของธุรกิจ ในการนำไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งขัน

สภาพแวดล้อมภายนอกธุรกิจ External Environment 
คือ สภาวะแวดล้อมที่ธุรกิจไม่สามารถควบคุมได้ หมายถึง ปัจจัยบังคับภายนอกธุรกิจที่มีอิทธิพลต่อระบบการตลาด ถือว่าเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้แต่มีอิทธิพลต่อระบบการตลาด คือสร้างโอกาสหรืออุปสรรคแก่ธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วย สิ่งแวดล้อมจุลภาค และสิ่งแวดล้อมมหภาค
  • สภาพแวดล้อมภายนอกธุรกิจระดับจุลภาค (Micro External Environment) 
คือ ภาวะแวดล้อมภายนอกที่ธุรกิจไม่สามารถ ควบคุมได้ แต่สามารถเลือก ที่จะติดต่อและเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม
- ตลาด หรือลูกค้า (Market)  
- ผู้ขายปัจจัยการผลิตหรือวัตถุดิบ (Suppliers)
- คนกลางทางการตลาด (Marketing Intermediaries)
- สาธารณชนและกลุ่มผลประโยชน์ (Publics)

  • สภาพแวดล้อมภายนอกธุรกิจระดับมหภาค (Macro External Environment)
คือ สภาพแวดล้อมที่มีอิทธิพลตอการดำเนินธุรกิจและต่อระบบการตลาดเป็นอย่างมาก แต่ละหน่วยงานและองค์กรธุรกิจไม่สามารถควบคุมการเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ ได้แก่
- ด้านการเมืองและกฎหมาย 
- เศรษฐกิจ
- สังคม
- เทคโนโลยี
-ประเพณี วัฒนธรรม
- ศาสนา


การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อการบริหารธุรกิจ


S (Strengths) จุดแข็ง
เป็นปัจจัยภายในที่สามารถควบคุมได้ตามศักยภาพของธุรกิจที่มีอยู่ ก่อให้เกิดผลดีต่อธุรกิจ ซึ่งส่งผลมาจากการบริหารงานภายในระหว่างผู้บริหารและบุคลากร หรืออาจมาจากความได้เปรียบในด้านทรัพยากรทางการบริหารต่างๆ เช่น มีสถานภาพทางการเงินที่มั่นคง ที่ตั้งอยู่ใกล้ทั้งแหล่งวัตถุดิบและแหล่งจัดจำหน่าย บุคลากรมีประสบการณ์และความสามารถสูง ลฯ
W (Weaknesses) จุดอ่อน
เป็นปัจจัยภายในที่เกิดจากปัญหาภายในธุรกิจ อันเนื่องมาจากการบริหารงานที่ผิดพลาด ข้อจำกัดบางประการของศักยภาพทางธุรกิจ ปัญหาเหล่านี้จะส่งผลร้ายถ้าไม่รีบดำเนินการแก้ไข เช่น ขาดสภาพคล่องทางการเงิน สินค้าที่ผลิตออกมามีคุณภาพ ไม่คงที่ ขาดการประสานงานที่ดีภายในองค์กร ฯลฯ
O (Opportunities) โอกาส
เป็นปัจจัยภายนอกที่ธุรกิจไม่สามารถเข้าไปควบคุมให้เกิดหรือไม่เกิดขึ้นได้ แต่เป็นสภาวการณ์แวดล้อมอันส่งผลดีให้กับธุรกิจโดยบังเอิญ เช่น กลุ่มลูกค้าเป้าหมายมีรายได้เพิ่มขึ้น นโยบายของรัฐให้การสนับสนุนธุรกิจประเภทนี้ สินค้าของคู่แข่งมีคุณภาพต่ำ ฯลฯ
T (Threats) อุปสรรค
เป็นปัจจัยภายนอกที่ธุรกิจไม่สามารถเข้าไปควบคุมให้เกิดหรือไม่เกิดขึ้นได้ และเป็นสภาวการณ์แวดล้อมอันเลวร้ายที่ส่งผลกระทบให้ธุรกิจเสียหาย เช่น รัฐบาลขึ้นภาษี ปัญหาสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ วัตถุดิบมีราคาสูงขึ้น เกิดภัยสงครามหรือภัยธรรมชาติ ฯลฯ

การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ด้วย TOWS Matrix

  • กลยุทธ์เชิงรุก (SO Strategy) ---> การใช้จุดแข็งบนโอกาสที่มี 
  • กลยุทธ์เชิงป้องกัน (ST Strategy) ---> การใช้จุดแข็งป้องกันอุปสรรค
  • ลยุทธ์เชิงแก้ไข (WO Strategy) ---> การขจัดจุดอ่อนโดยใช้โอกาส
  • กลยุทธ์เชิงรับ (WT Strategy) ---> การขจัดจุดอ่อนป้องกันอุปสรรค 








วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สรุป บทที่ 2 E-Business Infrastructure


 บทที่ 2 E-Business Infrastructure


E-Business Infrastructure
หมายถึง การรวมกันของฮาร์ดแวร์ เช่น Server, Client PC ในองค์กรรวมถึงการใช้เครือข่ายในการเชื่อมโยงฮาร์ดแวร์เหล่านี้และการใช้งาน ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการส่งมอบบริการให้กับผู้ใช้งานที่อยู่ในบริษัทและยังรวม ถึงคู่ค้าและลูกค้าของตน ซึ่งคำว่า Infrastructure ยังรวมไปถึงสถาปัตยกรรมทางด้าน Hardware , Software และ เครือข่าย ที่มีอยู่ในบริษัทด้วย และท้ายที่สุด ยังรวมไปถึง กระบวนการในการนำเข้าข้อมูลและเอกสารเข้าสู่ระบบ E-business ด้วย




ปัญหาทั่วไปที่พบ

  • การติดต่อสื่อสารกับเว็บไซต์ยังล่าช้า
  • เว็บไซต์ไม่ตอบสนอง
  • ปัญหาที่รบกวนในระบบสารสนเทศ
  • สินค้าส่งไม่ทันเวลา
  • อีเมลไม่มีการตอบกลับ
  • การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้ายังไม่มีประสิทธิภาพดีพอ



A 5 layer-model of e business infrastructure





ส่วนประกอบของโครงสร้างพื้นฐาน E-business infrastructure มี 5 ชั้

ชั้นที่ 1  E-business service applications layer ชั้นของแอพพริเคชัน คือ ชั้นของโปรแกรมต่างๆ จะเป็นการใช้แอปพริเคชั่น โดยไม่สนใจซอฟต์แวร์ เปิดแอปพลิเคชันขึ้นมาใช้งานได้เลย
ชั้นที่ 2  System Software layer การนำโปรแกรมที่มาใช้งานให้ประสบความสำเร็จในชั้นที่1เป็นเรื่องของการจัดการซอฟต์แวร์ จัดหาเว็บบราวเซอร์ ติดต่อเครือข่าย
ชั้นที่ 3  Transport or Network layer เป็นชั้นที่ใช้ในการสื่อสาร เช่น พวกโปรโตคอล(TCP/IP)ต่างๆประสานงานกับเครืองแม่ข่ายกับลูกข่าย 
ชั้นที่ 4  Storage/Physical layer เป็นชั้นที่ใช้เก็บพวกข้อมูลต่างๆ เช่น ฮาร์ดดิกส์ แรม ว่าเก็บข้อมูลไว้ในส่วนใด เมื่อไร ใช้เก็บอะไร การสำรองข้อมูลต่างๆ
ชั้นที่ 5  Content and Data layer ชั้นนี้เกี่ยวข้องกับพวก อินเตอร์เน็ต อินทราเน็ต เอ็กซ์ทราเน็ต การจัดการกับข้อมูล




INTERNET

A global network connecting millions of computers. More than 100 countries arelinked into exchanges of data,news andopinions. 

อินเทอร์เน็ต (Internet) หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ที่มีการ เชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายหลาย ๆ เครือข่ายทั่วโลก โดยใช้ภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่าง คอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า โพรโทคอล (TCP/IP) ผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้ในหลาย ๆ ทาง อาทิ อีเมล เว็บบอร์ด และสามารถสืบค้นข้อมูลและข่าวสารต่าง ๆ รวมทั้งคัดลอกแฟ้มข้อมูลและโปรแกรมมาใช้ได้





ภาษาที่มักใช้ในการสนทนาในอินเตอร์เน็ต





ไฟร์วอลล์ ( firewall ด่านกันบุกรุก) คือซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ในระบบเครือข่าย ซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ในระบบเครือข่าย หน้าที่ของไฟร์วอลล์คือเป็นตัวกรองข้อมูลสื่อสาร โดยการกำหนดกฎและระเบียบมาบังคับใช้โดยเฉพาะเรื่องของการดูแลระบบเครือข่าย โดยความผิดพลาดของการปรับแต่งอาจส่งผลทำให้ไฟล์วอลล์มีช่องโหว่ และนำไปสู่สาเหตุของการโจรกรรมข้อมูลคอมพิวเตอร์ได้

        





ระดับของการจัดการ (Levels of Management)





การจัดการในระดับเชิงกลยุทธ์ (Strategic Management) หมายถึงการกำหนดวิสัยทัศน์ (Vision) พันธกิจ (Mission) วัตถุประสงค์ (Objective) เป้าหมาย (Goal) ขององค์การในระยะสั้นและระยะยาว จากนั้นจึงวางแผนทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้องค์การสามารถดำเนินงานตามพันธกิจ  อันนำไปสู่การบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ ได้แก่ ผู้บริหารระดับสูง 


การจัดการในระดับยุทธวิธี (Tactical Management)
การควบคุมการจัดการในระดับยุทธวิธีจะเกี่ยวกับการจัดหาและการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดการระดับสูง ผู้จัดการในระดับนี้ทำหน้าที่ในการวางแผนงานสำหรับหน่วยปฏิบัติงานระดับล่าง เช่น ศูนย์กลางการขายและการผลิต เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร ผู้จัดการระดับกลางนี้ต้องการรายงานสรุปจากการปฏิบัติงานของบริษัท เพื่อใช้ในการ ตัดสินใจเชิงยุทธวิธี เพื่อที่จะปฏิบัติตามนโยบายการตัดสินใจที่ถูกกำหนดมาจากระดับบนหรือระดับกลยุทธ์ของบริษัท


การจัดการในระดับปฏิบัติการ (Operational Management)
ได้แก่การปฏิบัติงานในระดับที่ต่ำที่สุด ผู้ควบคุมการทำงานในระดับนี้ ต้องการรายละเอียดสารสนเทศที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงาน ตามขบวนการผลิตของบริษัทในแต่ละวัน การควบคุมการปฏิบัติการในระดับนี้จะต้องพิจารณาหาวิธีที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยขบวนการตัดสินใจในระดับนี้ต้องการสารสนเทศเกี่ยวกับ งานที่จะต้องปฏิบัติ, ทรัพยากรที่มีอยู่ ความร่วมมือที่ต้องการจากส่วนปฏิบัติงานอื่นๆ ภายในองค์กร, มาตรฐานและงบประมาณที่สามารถใช้ได้, และผลสะท้อนกลับที่ใช้ในการประเมินผลลัพธ์




วิวัฒนาการของเว็บไซต์

Web 1.0 ยุคแห่งการเริ่มต้น




  • การตอบโต้ทางเดียว
  • เริ่มมีการนำกระดานข่าว (webboard) มาใช้เป็นแหล่งที่ให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์สามารถแสดงความคิดเห็นหรือแลกเปลี่ยน ข้อมูลข่าวสารกันได้ แต่กระดานข่าวยังไม่ได้มีการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ
  • ไม่มีการสนับสนุนหรือตัวช่วยในการค้นหาข้อมูล
  • ตัวอย่างลักษณะของเว็บไซต์ในยุค Web 1.0 เช่น การสร้างเว็บไซต์บน GeoCities


Web 2.0 ยุคแห่งการพัฒนาการและการเชื่อมโยง



  • จุดเด่นคือ  การที่ผู้ใช้มีส่วนสร้างเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ตได้ 
  • Read and write
  • Web 2.0 สามารถมีส่วนเกื้อหนุนเป็นอันมากต่อการสร้างสังคมที่มีการเรียนรู้
  • ตัวอย่างพื้นฐานของ Web 2.0 คือ Wikipedia , blog , Feed 
  • เริ่มมีการพัฒนา พวก Web Board, Blog, Wikipedia
  • บุคคลทั่วไปสามารถสร้างเนื้อหา มีการนำภาพมาแชร์ นำวีดีโอ มา Post มีการแชร์ แบ่งบันแลกเปลี่ยน พูดคุย และนำเสนอข้อมูลต่างๆ เองได้




Web 3.0 ยุคแห่งโลกอนาคต



  • สร้างความฉลาดเทียมให้กับสิ่งไม่มีชีวิต ใช้เป็นเครื่องมือช่วยคาดเดาพฤติกรรม วิเคราะห์ความต้องการของมนุษย์
  • ระบบจะประมวลผลอย่างมีเหตุผล พร้อมทั้งแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า สร้างสิ่งที่ต้องการให้ผู้ใช้
  • เว็บไซต์มีการเชื่อมโยงเนื้อหาสัมพันธ์ที่มีความ สัมพันธ์กันกับแหล่งข้อมูลอื่นๆ



Web 4.0


  • เรียกกันว่า “A Symbiotic web
  •  ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ Ubiquity, Identity และ Connection
  • web ที่มีทำงานแบบ Artificial Intelligence (AI) หมายถึง การสร้างให้คอมพิวเตอร์ให้สามารถคิดได้ มีความฉลาดมากขึ้น ในการอ่าน



วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สรุป บทที่ 1 Introduction to E-Business and E- Commerce


บทที่ 1
 Introduction to E-Business and E- Commerce


        ปัจจุบัน มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เช่น internet  WWW และ การสื่อสารแบบไร้สาย ในองค์กรธุรกิจมานานมากกว่า 15 ปี นับตั้งแต่ มีการพัฒนาเว็บไซต์ขึ้นครั้งแรก โดย Sir Tim Berners-Lee ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1991 



Timeline of web sites indicating innovation in business model or marketing communications approach


ผลกระทบต่อธุรกิจดั้งเดิม
  • การเจริญเติบโตของsocial networks เป็นผลทำให้คนส่วนมากไม่ใช้ประโยชน์จากธุรกิจดั้งเดิม
  • สื่อมัลติมิเดียต่างๆ หรือ Video มีการพัฒนาและเข้าถึงเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น ส่งผลต่อการโฆษณาผ่านสื่อต่างๆแบบดั้งเดิม
  • มีการทำธุรกรรมผ่านmobile commerce ทำให้สะดวกต่อการใช้งานไม่ต้องยุ่งยาก
  • มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ควบคุมโดย ดาวเทียม, การระบุตำแหน่งพิกัด GPS เพื่อสะดวกในการเดินทาง




โลกเสมือน (Virtual World) 
คือ การจำลองสภาพแวดล้อม ที่สามารถตอบสนองต่อการใช้งานของผู้ใช้หลายคน พร้อมๆ กัน ผ่านเครือข่ายออนไลน์ นั่นหมายความว่า โลกเสมือนจะต้องรองรับ การใช้งานของผู้ใช้ได้ตลอดเวลา (24 ชั่วโมงต่อวัน) 




Location Based Services (LBS)  
เป็นบริการอย่างหนึ่งที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีไร้สาย  ที่ทำให้บุคคลหรือองค์กรใดๆ           ระบุตำแหน่งที่อยู่ของผู้ใช้อุปกรณ์ไร้สายได้อย่างแม่นยำ







บริการเครือข่ายสังคม (social network service) 
เป็นรูปแบบของเว็บไซต์ ในการสร้างเครือข่ายสังคมออนไลน์ สำหรับผู้ใช้งานในอินเทอร์เน็ต เขียนและอธิบายความสนใจ และกิจการที่ได้ทำ และเชื่อมโยงกับความสนใจและกิจกรรมของผู้อื่น ในบริการเครือข่ายสังคมมักจะประกอบไปด้วย การแชต ส่งข้อความ ส่งอีเมล วิดีโอ เพลง อัปโหลดรูป บล็อก เป็นต้น




พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic commerce : EC) 
คือ การทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในทุกช่องทางที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การซื้อขายสินค้าและบริการ การโฆษณาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ โทรทัศน์ วิทยุ หรือแม้แต่อินเทอร์เน็ต เป็นต้น




E-Business (EB)
คือการดำเนินกิจกรรมทาง “ธุรกิจ”ต่างๆ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์การใช้คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสารและอินเทอร์เน็ต เพื่อทำให้กระบวนการทางธุรกิจ มีประสิทธิภาพ และตอบสนองความต้องการของคู่ค้า และลูกค้าให้ตรงใจ และรวดเร็วและเพื่อลดต้นทุน และขยายโอกาสทางการค้า และการบริการ 

ความสัมพันธ์ระหว่าง E-Business(EB) กับ E-commerce(EC) มีอยู่ 3 สถานะ คือ
  1. E-commerce และ E-Business มีความคล้ายกันอยู่บางส่วน
  2. E-commerce และ E-Business มีความเหมือนกันหรือเท่ากัน
  3. E-commerce เป็นส่วนหนึ่งของ E-Business และปัจจุบันมักกลายเป็นแบบนี้




Buy-Side(ฝั่งต้นน้ำ) มีหน้าที่ในการหาปัจจัยการผลิต ซื้อวัตถุดิบ เพื่อนำไปเข้าสู่กระบวนการผลิต จนได้สินค้าออกมา แล้วส่งต่อไปให้ Sell-Side (ฝั่งปลายน้ำ) มีหน้าที่ในการ ขายและกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภค





CRM ย่อมาจาก Customer Relationship Management 
เรียกว่า การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ ซึ่งก็คือการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า โดยการใช้เทคโนโลยีและการ ใช้บุคลากรอย่างมีหลักการ CRM ได้ถูกนำมาใช้มากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องมาจากจำนวนคู่แข่งของ ธุรกิจแต่ละประเภทเพิ่มขึ้นสูงมาก การแข่งขันรุนแรงขึ้นในขณะที่จำนวนลูกค้ายังคงเท่าเดิม ธุรกิจจึงต้องพยายามสรรหาวิธีที่จะสร้างความพอใจให้แก่ลูกค้าอันจะนำไปสู่ความจงรักภักดีในที่สุด

Supply Chain Management  (SCM)  
คือ ห่วงโซ่อุปทาน หรือ กระบวนการโดยรวมของการไหลของวัสดุ สินค้า ตลอดจนข้อมูล และธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านองค์การที่เป็นผู้ส่งมอบ ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ไปจนถึงลูกค้าหรือผู้บริโภคโดยที่องค์การต่าง ๆ เหล่านี้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจต่อกัน

ERP=Enterprise Resource Planning
กระบวนการของสำนักงานส่วนหลัง และ การผลิต เช่น การรับใบสั่งซื้อการจัดซื้อ การจัดการใบส่งของ การจัดสินค้าคงคลัง แผนและการจัดการการผลิต– ระบบ ERP จะช่วยให้ประบวนการดังกล่าว 

มีประสิทธิภาพและลดต้นทุน




อินเทอร์เน็ต (Internet) 
หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ที่มีการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายหลาย ๆ เครือข่ายทั่วโลก โดยใช้ภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า โพรโทคอล (protocol) ผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้ในหลาย ๆ ทาง

อินทราเน็ต (intranet) 
คือ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบภายในองค์กร ใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต ในการใช้งานอินทราเน็ตจะต้องใช้โพรโทคอล IP เหมือนกับอินเทอร์เน็ต

เอกซ์ทราเน็ต (extranet) 
คือระบบเครือข่ายซึ่งเชื่อมเครือข่ายภายในองค์กร หรือ อินทราเน็ต (intranet) เข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ภายนอกองค์กร เช่น ระบบคอมพิวเตอร์ของสาขาของผู้จัดจำหน่าย หรือของลูกค้า เป็นต้น 


ความสัมพันธ์ระหว่าง Internet + intranet + extranet